โปรดตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องหรือรอการอนุมัติจากระบบ
โดยการหมักเปลือกทุเรียน ด้วยจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพื่อลดต้นทุนค่าอาหารโคเนื้อ
ปัจจุบัน มีโรงงานแปรรูปทุเรียนประมาณ 40 – 50 โรงงาน ซึ่งมีทุกอำเภอในจังหวัดชุมพร และมีล้งรับซื้อทุเรียนประมาณ 150 ล้ง ซึ่งโรงงานเมื่อแปรรูปทุเรียนสดแล้ว จะกองเปลือกทุเรียนที่ไม่ได้สับไว้ เพื่อรอให้รถขนนำไปทิ้งตามหลุม หรือบ่อ หรือกองทิ้งไว้ให้เน่าเสียตามสถานที่ต่างๆ แต่จะมี 2-3 โรงงาน จะสับเปลือกทุเรียนให้ แล้วจัดส่งให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและโคเนื้อถึงที่ ในรัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตร โดยส่งเปลือกทุเรียนสด 6 ตัน ราคา 3,500 บาท คิดเป็นกิโลกรัมละ 0.58 บาท ซึ่งหากเกษตรกร รับเปลือกทุเรียนที่ยังไม่สับจากสวนทุเรียน หรือล้ง หรือโรงงานในพื้นที่ โดยขนส่งเอง และสับเอง อาจไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มกิโลกรัมละ 0.58 บาท จากที่ ผศ.ดร.สุธีรวัฒน์ พันธุ์มาลัย หัวหน้าโครงการวิจัย จึงได้ทำการทดลองเปลือกทุเรียนสับและหมักในห้องปฏิบัติการ แล้วได้ทดลองให้โคเนื้อกินในเบื้องต้น ซึ่งพบว่า โคจะกินเปลือกทุเรียนหมักได้ ซึ่งเปลือกทุเรียนเมื่อทำการหมักแล้ว จะมีความอ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอม ในเรื่องการใช้เปลือกทุเรียนเหลือทิ้ง จากโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปทุเรียน สามารถลดการเกิดมลพิษจากโรงงานการแปรรูปทุเรียน โดยสามารถเพิ่มมูลค่าได้ โดยการสับเปลือกทุเรียนขนาด 3-5 ซม. ด้วยเครื่องสับ จากนั้นหมักเปลือกทุเรียนในถังพลาสติกขนาด 100 ลิตร กดให้แน่น ให้ออกซิเจนเหลือน้อยที่สุด แล้วปิดฝาล็อก ทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 21 วัน จากนั้นจะเกิดกระบวนการหมักโดยจุลินทรีย์ กลุ่ม Lactobacillus sp. ซึ่งมีโดยธรรมชาติ ซึ่งจะขยายตัว อย่างรวดเร็ว ซึ่ง Lactobacillus sp. จะปล่อยกรด Lactic เข้าตัดพันธะคาร์โบไฮเดรตที่เป็นโครงสร้าง (Structural Carbohydrate) เช่น เปลือกทุเรียน เมื่อเปิดถังหมักเปลือกทุเรียนตามกำหนด พบว่า เปลือกทุเรียนจะมีความอ่อนนุ่ม มีกลิ่นเปรี้ยว ซึ่งโคเนื้อจะชอบกิน ซึ่งในกระบวนการหมักเปลือกทุเรียนนี้ จะไม่ผ่านความร้อน จึงไม่เกิดการสูญเสีย ของสารต้านอนุมูลอิสระ คือ กลุ่มสารประกอบฟีนอลิก, สารฟลาโวนอยด์ และแคโรทีนอยด์ อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระนี้ จะทำให้ช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโทษในระบบต่างๆ ภายในตัวโค และหากเกษตรกรให้เปลือกทุเรียนหมักแก่โคเนื้อ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนเพื่อทดแทนอาหารหยาบแล้ว ยังทำให้โคเนื้อมีสุขภาพดี และมีคุณภาพเนื้อดีด้วย เริ่มแรก ผศ.ดร.สุธีรวัฒน์ พันธุ์มาลัย ได้เริ่มเผยแพร่เทคโนโลยี โดยเริ่มจากประธานวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคนม-โคเนื้อชุมพรก้าวหน้าก่อน โดยทดลองให้โคกิน เพื่อให้สมาชิกได้เห็นจริงว่าโคกินได้ และช่วยลดต้นทุนได้จริง โดยการอบรมส่งเสริมเกษตรกรใช้เปลือกทุเรียนหมักทดแทนอาหารหยาบ ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 แต่ก็ยังเป็นวงแคบ ซึ่ง ผศ.ดร.สุธีรวัฒน์ พันธุ์มาลัย และประธานวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคนม-โคเนื้อชุมพรก้าวหน้า และกรรมการวิสาหกิจชุมชนบางส่วน ได้เป็นแรงจูงใจในการส่งเสริมสมาชิกคนอื่น ให้ใช้เปลือกทุเรียนหมักมาโดยตลอด โดยมีเกษตรกรได้เริ่มทำเปลือกทุเรียนหมักไว้ใช้เอง และเอาไว้ขายด้วย แต่ยังมีน้อย อีกทั้งยังมีเกษตรกรที่ยังไม่ทราบองค์ความรู้นี้ ยังมีอีกมาก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทุนในการส่งเสริม
ปัจจุบัน มีโรงงานแปรรูปทุเรียนประมาณ 40 – 50 โรงงาน ซึ่งมีทุกอำเภอในจังหวัดชุมพร และมีล้งรับซื้อทุเรียนประมาณ 150 ล้ง โดยมีโรงงานแปรรูปทุเรียน 2-3 โรงงาน จะสับเปลือกทุเรียนให้ แล้วจัดส่งให้เกษตรกรถึงที่
1. ในกรณีครอบครัวเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ไม่มีสวนทุเรียนของตัวเอง โดยครอบครัวเกษตรกรจะรับ เปลือกทุเรียนจากโรงงานที่สับเปลือกทุเรียนให้ แล้วจัดส่งให้ถึงที่ โดยส่งเปลือกทุเรียนสด 6 ตัน ราคา 3,500 บาท คิดเป็นกิโลกรัมละ 0.58 บาท สามารถทำเปลือกทุเรียนหมักขาย กิโลกรัมละ 2 บาท หรือขายเป็นถังๆ ละ 200 บาท โดย 1 ถัง มีเปลือกทุเรียนหมัก 100-120 กิโลกรัม โดยเกษตรกรจะได้กำไร กิโลกรัมละ 1.42 บาท หรือ ถังละ 142 บาท หรือขายเป็นถุงๆ ละ 60 บาท โดย 1 ถุง มีเปลือกทุเรียนหมัก 30-40 กิโลกรัม โดยเกษตรกรจะได้กำไร กิโลกรัมละ 1.42 บาท หรือ ถุงละ 42.60 บาท
2. ในกรณีครอบครัวเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ มีสวนทุเรียนของตัวเอง หรือล้ง หรือโรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะไม่มีค่าขนส่ง ซึ่งครอบครัวเกษตรกร จะสับเปลือกทุเรียนเอง และหมักเอง ซึ่งสามารถทำเปลือกทุเรียนหมักขาย กิโลกรัมละ 2 บาท หรือขายเป็นถังๆ ละ 200 บาท โดย 1 ถัง มีเปลือกทุเรียนหมัก 100-120 กิโลกรัม โดยเกษตรกรจะได้กำไร กิโลกรัมละ 2.00 บาท หรือ ถังละ 200 บาท หรือขายเป็นถุงๆ ละ 60 บาท โดย 1 ถุง มีเปลือกทุเรียนหมัก 30-40 กิโลกรัม โดยเกษตรกรจะได้กำไร กิโลกรัมละ 1.42 บาท หรือ ถุงละ 60.00 บาท
โดยทั้ง 2 กรณี จะไม่มีค่าจัดเก็บ เนื่องจากเปลือกทุเรียนเมื่อหมักในถังหรือถุง เปลือกทุเรียนจะสามารถอยู่ในถังหรือถุง โดยที่ไม่เปิดได้ ซึ่งเปลือกทุเรียนจะสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี โดยราคาถังจัดเก็บเปลือกทุเรียนหมักมีราคา 500 บาท ต่อใบ ซึ่งเวลาขาย เมื่อผู้ซื้อใช้ถังเปลือกทุเรียนหมักเสร็จ จะนำถังมาคืนผู้ผลิต หรือในกรณีผู้ซื้อใช้ถุงเปลือกทุเรียนหมักเสร็จ จะไม่มีค่าถุง โดยเป็นการขายขาด โดยถุงเปลือกทุเรียนหมัก จะมาจากครอบครัวเกษตรกร ใช้ถุงอาหารข้นโคเนื้อผลิต โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เปลือกทุเรียนในถังพลาสติกขนาด 100 ลิตร กดให้แน่น ให้ออกซิเจนเหลือน้อยที่สุด แล้วปิดฝาล็อก ทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 21 วัน จากนั้นจะเกิดกระบวนการหมักโดยจุลินทรีย์ กลุ่ม Lactobacillus sp. ซึ่งมีโดยธรรมชาติ ซึ่งจะขยายตัว อย่างรวดเร็ว ซึ่ง Lactobacillus sp. จะปล่อยกรด Lactic เข้าตัดพันธะคาร์โบไฮเดรตที่เป็นโครงสร้าง (Structural Carbohydrate) เช่น เปลือกทุเรียน เมื่อเปิดถังหมักเปลือกทุเรียนตามกำหนด พบว่า เปลือกทุเรียนจะมีความอ่อนนุ่ม มีกลิ่นเปรี้ยว ซึ่งโคเนื้อจะชอบกิน ซึ่งในกระบวนการหมักเปลือกทุเรียนนี้ จะไม่ผ่านความร้อน จึงไม่เกิดการสูญเสีย ของสารต้านอนุมูลอิสระ คือ กลุ่มสารประกอบฟีนอลิก, สารฟลาโวนอยด์ และแคโรทีนอยด์ อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระนี้ จะทำให้ช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโทษในระบบต่างๆ ภายในตัวโค และหากเกษตรกรให้เปลือกทุเรียนหมักแก่โคเนื้อ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนเพื่อทดแทนอาหารหยาบแล้ว ยังทำให้โคเนื้อมีสุขภาพดี และมีคุณภาพเนื้อดีด้วย
1. วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคนม-โคเนื้อชุมพรก้าวหน้า 2. วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงโคขุนบ้านดอนยาง 3. วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูง นกส.4 สทพ. นทพ.
ไม่ระบุแหล่งทุน
อพสธ
อนุสิทธิบัตร (Petty Patent)
นายสุธีรวัฒน์ พันธุ์มาลัย โอนสิทธิ์อนุสิทธิบัตรให้ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
6,000 บาท
244.82 %
มูลค่าทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
1 : 3.44
นายกมลวัฒน์ ใสสว่าง
QR code